วันอาทิตย์ที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

บทที่ 6 เรื่องที่ 1 คุณสมบัติ 8 ประการของเทคโนโลยีอีคอมเมิร์ซ

(e-Business and e-commerce)
1. จงอธิบายความหมายของอีคอมเมิร์ซ อีบิสซิเนส และเอ็มคอมเมิร์ซ
ตอบ  
อีคอมเมิร์ซ (E-commerce) หรือพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ชุดย่อยของ e -Business เป็นจัดซื้อ, การขายและการแลกเปลี่ยนสินค้าและบริการผ่านเครือข่ายคอมพิวเตอร์ (เช่น Internet) โดยที่การทำธุรกรรมหรือแง่ของการขายจะดำเนินการด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ ขัดกับความเชื่อที่นิยมอีคอมเมิร์ซไม่ได้เป็นเพียงในเว็บ ในความเป็นจริงอีคอมเมิร์ซยังมีชีวิตอยู่และดีในธุรกิจเพื่อการทำธุรกรรมทางธุรกิจก่อนที่จะกลับมาเว็บในยุค 70 ผ่านระบบ EDI (Electronic Data Interchange) ผ่าน VANS (Networks-Value Added) อีคอมเมิร์ซสามารถแบ่งออกเป็นสี่ประเภทหลัก: B2B, B2C, C2B และ C2C
B2B (Business-to-Business-)
บริษัท ที่ทำธุรกิจกับแต่ละอื่น ๆ เช่นผู้ผลิตขายให้กับผู้จัดจำหน่ายและค้าส่งขายไปยังร้านค้าปลีกราคาขึ้นอยู่กับปริมาณของการสั่งซื้อและมักจะต่อรองได้
B2C (Business-to-Consumer-)
ธุรกิจการขายให้ประชาชนทั่วไปมักจะผ่านแค็ตตาล็อกการใช้ซอฟต์แวร์รถเข็น โดยปริมาณเงินดอล  B2B มีรางวัล แต่ B2C คือจริง ๆ สิ่งที่มีค่าเฉลี่ยที่เกี่ยวกับอีคอมเมิร์ซโดยรวมมีเวลาที่ยากลำบากในการหาหนังสือหรือไม่ จำเป็นต้องซื้อเองระบบคอมพิวเตอร์ระดับไฮเอนด์ วิธีการเกี่ยวกับชั้นเรียนก่อนการเดินทางรวมทุกอย่างไปเกาะเขตร้อน กับการถือกำเนิดอีคอมเมิร์ซทั้งหมดสามสิ่งที่สามารถหาซื้อได้อย่างแท้จริงในนาทีโดยไม่ต้องปฏิสัมพันธ์ของมนุษย์ โอ้ไกลแค่ไหนที่เราได้มา
C2B (Consumer-to-Business-)
โพสต์ของผู้บริโภคในโครงการของเขากับออนไลน์ตั้งงบประมาณและภายใน บริษัท ชั่วโมงทบทวนความต้องการของผู้บริโภคและการเสนอราคาในโครงการ ผู้บริโภคความคิดเห็นการเสนอราคาและเลือก บริษัท ที่จะเสร็จสิ้นโครงการ Elance ให้อำนาจผู้บริโภคทั่วโลกโดยให้พื้นดินที่ประชุมและแพลตฟอร์มสำหรับการทำธุรกรรมดังกล่าว
C2C (Consumer-to-Consumer-)
มีเว็บไซต์จำนวนมากที่เสนอคลาสสิฟายด์ฟรีประมูลและฟอรัมที่บุคคลสามารถซื้อและขายด้วยระบบการชำระเงินออนไลน์เช่น PayPal ซึ่งผู้คนสามารถส่งและรับเงินออนไลน์ได้อย่างง่ายดายบริการการประมูลอีเบย์เป็นตัวอย่างที่ดีของการทำธุรกรรมที่คน-to-person ใช้สถานที่ในชีวิตประจำวันตั้งแต่ปี 1995
บริษัท โดยใช้เครือข่ายภายในเพื่อให้พนักงานของพวกเขาสินค้าและบริการออนไลน์ - ไม่จำเป็นต้องออนไลน์บนเว็บ - มีส่วนร่วมใน B2E (ธุรกิจเพื่อ Employee-) อีคอมเมิร์ซ
G2G (รัฐบาลที่มีต่อรัฐบาล-), G2E (รัฐบาลเพื่อ Employee-), G2B (รัฐบาลเพื่อธุรกิจ-), B2G (Business-to-Government-), G2C (Government-to-Citizen-), C2G (Citizen-to- รัฐบาล-) เป็นรูปแบบอื่น ๆ ของอีคอมเมิร์ซที่เกี่ยวข้องกับการทำธุรกรรมกับภาครัฐ - จากการจัดซื้อเพื่อการยื่นภาษีที่จดทะเบียนธุรกิจเพื่อต่ออายุใบอนุญาต มีประเภทอื่น ๆ ของอีคอมเมิร์ซออกมี แต่พวกเขามีแนวโน้มที่จะฟุ่มเฟือย

2 .คุณสมบัติ 8 ประการของเทคโนโลยีอีคอมเมิร์ซ ประกอบด้วยอะไรบ้าง
ตอบ 
1.  การมีอยู่ทั่ว ทุกหนแห่ง  Ubiquity คือ การค้าในรูปแบบเดิม ผู้บริโภคต้องเดินทางมายังร้านค้าหรือตลาดนัด ที่เป็น แหล่งรวมของสินค้าต่างๆเพื่อเลือกซื้อสินค้า
2. ขอบเขตครอบคลุมทั่วโลก Global  Reach คือ เทคโนโลยีอีคอมเมิร์ซอนุญาตให้ดำเนินธุรกรรมทางการค้าอย่างปราศจากพรมแดน
3. มาตรฐานระดับสากล Universal Standards คือ เนื่องจากเทคโนโลยีอีคอมเมิร์ซใช้ระบบสื่อสารบนเครือข่ายอินเทอร์เน็ตเป็น โครงสร้างหลักซึ่งเป็นมาตรฐานระบบเปิด มีความยืดหยุ่นสูง ส่งผลให้ระบบคอมพิวเตอร์เป็นโครงสร้างหลักที่มีแพล็กฟอร์มแตกต่างกันสามารถ เชื่อมโยงสื่อสารกันได้โดยปราศจากปัญหาใดๆโดยจะมีโปรโตคอลมาตรฐานอย่าง TCP / IP ซึ่งเป็นกลุ่มของกฎเกณฑ์ที่นำมาใช้เป็นข้อตกลงด้านการสื่อสารเพื่อรับส่ง ข้อมูลระหว่างกัน
4.ความสมบูรณ์ในข่าวสาร Richness คือ ความสมบูรณ์สารสนเทศจะอ้างถึงความซับซ้อนทางด้านเนื้อหาของข่าวสารโดยข่าว สารที่ส่งผ่านสื่อทางเทคโนโลยีสารนเทศเท่านั้น สามารถถูกจัดทำขึ้นได้อย่างสมบูรณ์โดยไม่ยาก ไม่ว่าจะเป็นข้อความ เสียง และวิดีโอ ที่ถูกนำมาประสมรวมกันเป็นเทคโนโลยีมัลติมีเดียและนำมาเสนอผ่านเว็บที่มี ลูกค้าจำนวนมากเข้าถึง โดยไม่จำเป็นต้องนำเสนอต่อหน้าลูกค้าอย่างเช่นแต่ก่อน
5.การโต้ตอบระหว่างกัน Interactivity คือ เทคโนโลยีอีคอมเมิร์ซเป็นระบบที่อนุญาตให้ผู้ขายและผู้ซื้อสามารถติดต่อสื่อสารกันได้แบบสองทาง
6.ความหนาแน่นของสารสนเทศ Information Density คือ เทคโนโลยีอินเตอร์เน็ตและเว็บส่งผลต่อการเพิ่มความหนาแน่นทางสารสนเทศได้ อย่างมากมายความสามารถในการเผยแพร่ข่าวสาร ให้กระจายไปทั่วทุกมุมโลกด้วยความรวดเร็วบนต้นทุนที่ต่ำ
7.ความเป็นเฉพาะตัวและการปรับแต่งให้เหมาะสมกับบุคคล Personalization/ Customization คือ ผู้ประกอบการสามารถใช้เทคโนโลยีอีคอมเมิร์ซในการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายทางการ ตลาดเฉพาะบุคคลได้ด้วยการนำข้อมูลส่วนตัวที่ได้จากโปรไฟล์ของลูกค้า ไม่ว่าจะเป็นชื่อ ความสนใจ ความชอบ รสนิยม งานอดิเรก และพฤติกรรมการซื้อสินค้าที่ผ่านมา จากนั้นก็จะนำมาวิเคราะห์เพื่อเสนอสินค้าหรือบริการแก่ลูกค้า
8.เทคโนโลยีทางสังคม Social Technology คือ เทคโนโลยีอินเทอร์เน็ตและอีคอมเมิร์ซก่อให้เกิดกลุ่มสังคมชุมชนออนไลน์ที่ นับวันจะเพิ่มมากขึ้นทุกขณะ โดยอนุญาตให้ผู้ใช้สามารถสร้างและแบ่งปันความรู้ ประสบการณ์ให้แก่เพื่อนๆที่อยู่ในชุมชนออนไลน์เดียวกันบนเครือข่าย เวิลด์ไวด์เว็บแห่งนี้ผ่านหัวเรื่องสำคัญต่าง ๆ ที่อาจอยู่ในรูปแบบของข้อความ วีดิโอเพลงหรือรูปภาพ

7. ประเภทของอีคอมเมิร์ซ ประกอบด้วยอะไรบ้าง จงสรุปมาให้พอเข้าใจ
ตอบ
1. ภาคธุรกิจกับผู้บริโภค (Business to Consumer - B2C)  คือ เป็นรูปแบบการดำเนินธุรกรรมระหว่างผู้ประกอบการกับผู้บริโภค โดยทั้งสองฝ่าย สามารถเป็นได้ทั้งผู้ขายสินค้า  และฝ่ายผู้บริโภคก็คือลูกค้าซึ่งเป็นผู้ซื้อสินค้านั่นเอง
2. ภาคธุรกิจกับภาคธุรกิจ (Business to Business – B2B) คือ เป็นรูปแบบการดำเนินธุรกรรมระหว่างผู้ประกอบการด้วยกัน ทั้งสองฝ่าย สามารถเป็นได้ทั้งผู้ขายและผู้ซื้อ ไม่ว่าเป็นระหว่างผู้ผลิตด้วยกัน หรือผู้ผลิตกับผู้ค้าส่ง
3.  ผู้บริโภคกับผู้บริโภค (Consumer to Consumer - C2C) คือ เป็นรูปแบบการดำเนินธุรกรรมระหว่างผู้บริโภคด้วยกัน การซื้อขายสินค้าด้วยวิธีนี้อาจมีวัตถุประสงค์ที่แตกต่างกันได้ไม่ว่าจะเป็น การประกาศของสินค้ามือสองและการแลกเปลี่ยนสินค้าโดยหากผู้ซื้อและผู้ขายพอใจ ในสินค้าทั้งสองฝ่าย ก็ตกลงซื้อขายกันเอง
4.  ภาคธุรกิจในเครือผู้บริโภค  คือ  เป็นรูปแบบการดำเนินธุรกรรมที่ธุรกิจได้ขายช่วงต่อไปยังภาคธุรกิจด้วยกัน ซึ่งอาจเป็นบริษัทในเครือหรือกลุ่มธุรกิจเดียวกันแต่ในด้านการส่งมองสินค้า หรือบริการ ก็ยังคงส่งมองไปยังผู้บริโภคโดยตรงในแต่ละราย
5.  ผู้บริโภคกับภาคธุรกิจ  คือ  เป็นการดำเนินธุรกรรมระหว่างผู้บริโภคกับผู้ประกอบการในอีกรูปแบบหนึ่งที่ ผู้บริโภคกลับมีสถานะเป็นผู้ค้าและมีบทบาทในการต่อรองเพื่อตั้งราคาสินค้า จากนั้นผู้ประกอบการก็จะนำราคาที่ลูกค้าเสนอมาให้กับผู้ขายปัจจัยการผลิต พิจารณาว่าสามารถจำหน่ายหรือขายได้ในราคานี้หรือไม่
6.  ภาคธุรกิจกับพนักงาน คือ เป็นรูปแบบการดำเนินธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์เพื่อปรับปรุงการปฏิบัติงานให้ดี ยิ่งขึ้นด้วยการนำมาใช้เพื่อแลกเปลี่ยนข่าวสารและสารสนเทศภายในองค์กร พนักงานสามารถรับทราบข้อมูลข่าวสารเหล่านี้ได้จากกระดานข่าวที่ถูกบรรจุไว้ บนเครือข่ายอินทราเน็ต
7.รัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ (e – Government) คือ เป็นการดำเนินธุรกรรมที่ภาครัฐได้นำสื่ออิเล็กทรอนิกส์มาบริการแก่ภาคประชาชนซึ่งถือเป็นงานส่วนหน้าในขณะเดียวกันก็นำไปใช้เพื่อบริหารงานตัวภาค รัฐเอง ซึ่งจัดเป็นงานส่วนหลังสำหรับบริการแก่ภาคประชาชนจะมีการจัดเตรียมรูปแบบการ บริการต่างๆที่ประชาชนทั่วไปสามารถเข้ามาใช้บริการได้

9.  จงอธิบายความหมายของ e-Marketplace, e-Auction, e-Procurement มาให้พอเข้าใจ
ตอบ
ตลาดกลางอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Marketplace : e-Marketplace)
ตลาดกลางอิเล็กทรอนิกส์ก็คือ ตลาดกลางเสมือน ที่ใช้เป็นศูนย์กลางระหว่างผู้ขายและผู้ซื้อต่างก็มารวมตัว เพื่อพบปะกันเพื่อซื้อขายสินค้าระหว่างกันเหมือนกับตลาดนัดทั่วไปตลาดกลาง อิเล็กทรอนิกส์เปรียบเสมือนตลาดกลางที่เป็นแหล่งรวมของสินค้านานาชนิดจากผู้ ขายจำนวนมากที่มาวางแผงขายสินค้าต่างๆมากมายให้กับลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการ คล้ายกับตลาดนัดที่มีอยู่จริงทั่วไปเพียงแต่จะเปิดบริการให้ลูกค้าเลือกชม และซื้อสินค้าผ่านทางเว็บไซต์ซึ่งเป็นแบบออนไลน์เท่านั้น
แคตาล็อกอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Catalogs  : e - Catalogs )
E-Catalog หรือ แคตตาล็อกออนไลน์   เปรียบเสมือนหน้าแสดงรายการสินค้าและบริการที่มีอยู่ในเว็บไซต์โดยมีการจัดแบ่งรูปแบบการแสดงผล ออกตามหมวดหมู่สินค้า หรือ รูปแบบธุรกิจ ทำให้สมาชิกเว็บไซต์สามารถทำการเลือกดูสินค้าและบริการที่ตนเองสนใจได้อย่างง่ายดาย และตรงตามความต้องการมากขึ้นที่ตนเองสนใจได้อย่างง่ายดาย และตรงตามความต้องการมากขึ้น
การประมุลทางอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic  Auctions : e-Auction
การประมุลทางอิเล็กทรอนิกส์ คือ การประมูลซื้อขายสินค้าผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ซึ่งมีความนิยมในหลายประเทศ ด้วยกันโดยจะดำเนินการประมูลออนไลน์แบบเรียลไทม์ การประมูลทางอิเล็กทรอนิกส์ยังสามารถนำมาใช้ร่วมกับอีคอมเมิร์ซในรูปแบบ B2C , C2B ,C2C และ e-Government อย่างไรก็ตามการประมูลอิเล็กทรอนิกส์จะสามารถดำเนินการได้ก็ต่อเมื่อมีผู้เกี่ยวข้องอยู่ 3 ฝ่ายด้วยกัน คือ
  1. ผู้ซื้อ
  2. ผู้ขาย
  3. ผู้บริการตลาดกลางประมูลสินค้า
e -Procurement หรือ Electronic Procurement คือ กระบวนการจัดซื้อ–จัดจ้างออนไลน์ ดำเนินการผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ต เป็นระบบที่ผสมผสานการทำงานระหว่างผู้ซื้อและผู้ขาย สามารถให้ข้อมูลสำคัญต่างๆ ช่วยในการตัดสินใจในการจัดซื้อจัดจ้างสินค้าและบริการได้ดียิ่งขึ้น กระบวนการของ E-Procurement โดยทั่วไปจะมีกระบวนการทั้งหมด 8 ขั้นตอน แต่ขั้นตอนสำคัญที่ E-Procurement ช่วยลดเวลา และกระบวนการได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น